ปางที่ ๖๒
ปางนาคาวโลก

 

ลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้

อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาห้อยเยื้องมาข้างหน้าประทับไว้ที่พระเพลาข้างซ้าย
พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระองค์ตามปกติ เอี้ยวพระกายผินพระพักตร์เหลียวไปข้างหลัง
เป็นกิริยาทอดพระเนตรพระนครไพศาลี ผิดปกติเหมือนดูอย่างไว้อาลัย ด้วยจะเป็นการเห็นครั้งสุดท้าย
จะไม่ได้เสด็จมาเห็นอีกต่อไปตามสามัญชอบพูดว่า "ดูสั่ง"

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้

วันหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพาภิกษุสงฆ์ ๕oo เสด็จไปเมืองไพศาลี เสด็จประทับอยู่ที่กุฏาคารศาลาในป่า
มหาวัน ครั้งนั้นบรรดากษัตริย์ลิจฉวีราชทั้งหมดได้ทราบข่าว การเสด็จมาของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงโสมนัส
พากันเสด็จออกไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า น้อมมถวายเครื่องสักการบูชาเป็นอันมาก พระศาสดาได้ทรงพระ-
กรุณาประทานพระธรรมเทศนาโปรดมวลกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลาย ให้เลื่อมใสศรัทธามีความอาจหาญรื่นเริงใน
ธรรมทั่วกัน เมื่อจบพระธรรมเทศนาแล้ว บรรดากษัตริย์ลิจฉวีได้พร้อมกันอาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพระ-
สงฆ์ทั้งหมด ให้เสด็จเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ แล้วทูลลากลับ

ครั้นเช้าวันรุ่งขึ้น พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ได้เสด็จเข้าไปรับอาหารบิณฑบาตของบรรดากษัตริย์
ลิจฉวีในพระราชนิเวศน์ ครั้นทรงทำ๓ัตตกิจแล้วทรงประทานธรรมานุศาสน์แก่กษัตริย์ลิจฉวีทั้งปวงโดยควรแก่
นิสสัยแล้ว ทรงพาพระภิกษ์สงฆ์เสด็จออกจากพระนคร เสด็จประทับยืนอยู่หน้าประตูเมืองไพศาลี ประหนึ่งว่า
ทรงอาลัยเมืองไพศาลีเป็นที่สุด พร้อมกับรับสั่งว่า " อานนท์ การเห็นเมืองไพศาลีของตถาคตครั้งนี้ เป็นปัจฉิม
ทัศนะ " คือการเห็นครั้งสุดท้าย แล้วเสด็จไปประทับยังกุฏาคารศาลา ในป่ามหาวันอีก สถานที่เสด็จประทับยืน
ทอดพระเนตรโดยพระอาการแปลกจากเดิม พร้อมกับรับสั่งเป็นนิมิตรเช่นนั้น เป็นเจดีย์สถานอันสำคัญเรียกว่า
" นาคาวโลกเจดีย์ "

นาคาวโลก แปลว่าดูอย่างช้าง คือเยื่องพระกายกลับเหลียวหลังดู เป็นพระอาการที่ไม่เคยทรงทำมาแต่ก่อน
สถานที่ทรงทำเช่นนั้น ได้เกิดเป็นสถานที่มีความหมายอันสำคัญ ถึงกับได้รับการยกย่องขึ้นเป็นเจดีย์ว่า
" นาคาวโลกเจดีย์ " เป็นข้อที่น่าคิด คือควรจะได้รับการวิจัยว่าเป็นที่สำคัญอย่างไร ? เพราะเพียงข้อความ
ในเรื่องของท่านที่ยกขึ้นแสดงไว้ ดูยังมัวไม่เป็นเหตุให้เห็นว่า เป็นความสำคัญ ควรแก่การยกย่องถึงเช่นนั้นเลย

เท่าที่ได้ค้นคว้าหาเหตุอันสำคัญมาพิจารณาดูแล้ว เห็นพอจะยกขึ้นแสดงได้เป็น ข้อ ดังนี้

๑. เมืองไพศาลี เป็นเมืองใหญ่ มีพุทธบริษัทมากพระพุทธเจ้าเสด็จบ่อยครั้งมีเรื่องเกี่ยวแก่การประดิษฐาน
พระศาสนามาก การที่พระพุทธเจ้าทรงรับสั่งว่า การเห็นเมืองไพศาลีครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ก็เท่ากับบอกเลิก
การเสด็จมาอีกว่า การเสด็จมาของพระองค์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่สุดท้าย ต่อไปพระองค์จะไม่มาอีก ประหนึ่งว่า
สิ้นพระเมตตาปราณีชาวไพศาลีเสียแล้ว เช่นนี้อย่างไรจะไม่สะเทือนใจพุทธบริษัท จะไม่สะเทือนใจชาว-
เมืองทั้งหมด นับแต่พระมหากษัตริย์ลงมา และแล้วอย่างไร ชาวเมืองจะไม่โจทย์จรรย์กันเซ็งแซ่
ดังนั้น ภาพที่ประทับยืนตรงนั้นจึงเป็นภาพที่เตือนตาเตือนใจของพุทธบริษัทอย่างมาก เหตุนั้นที่ตรงนั้น
จึงควรแก่การยกขึ้นเป็นเจดีย์สถานได้

๒. การประทับยืนรับสั่งอย่างนั้น โดยพระอาการเช่นนั้น ได้ปรากฏเป็นมรณญาณ คือลางบอกให้พระสงฆ์สาวก
และพุทธบริษัททราบล่วงหน้าว่า พระพุทธเจ้าเสด็จออกจากนครไพศาลีไปครั้งนี้ ก็คงจะปรินิพพานในกาลไม่
นาน เท่ากับทางประกาศสัจจธรรม ในความเกิด ความดับ ตามหลักแห่งไตรลักษณ์ คือ อนิจจํ ทุกขํ อนฺตตา
จะประจักษ์แก่พระองค์ ดังที่ทรงแสดงไว้ เป็นความจริงในไม่ช้านี้ ดังนั้นการลาพุทธบริษัทไปของพระพุทธเจ้า
ในเช้าวันนี้ ก็เท่ากับเป็นการลาไปปรินิพพานชัดๆแล้ว อย่างไรจะไม่เป็นเรื่องประทับใจ และสะเทือนใจของ
พุทธบริษัทชาวเมืองไพศาลี ให้เกิดความตระหนกตกใจอย่างหนัก แล้วใครบ้างที่เคารพนับถือพระองค์ เมื่อ
ทราบข่าวนี้แล้ว จะไม่เก็บเอาคิด และเมื่อคิดแล้วไฉนจะไม่เศร้าสลดใจไปตามๆกัน เหตุนั้น สถานที่ตรงนั้น
จึงเป็นสถานที่สร้างความเกรียวเกราวแห่งความสลดใจในวงการของพุทธบริษัทชาวเมืองไพศาลีเป็นอันมาก

๓. เมืองไพศาลี เป็นเมืองใหญ่ เป็นเอกราช มวลกษัตริย์ลิจฉวีปกครองโดยสามัคคีธรรม ผลัดเปลี่ยนเวียนกัน
ปกครองตามวาระ ต่างเคารพนับถือพระพุทธเจ้าเป็นบรมครู พระผู้มีพระภาคได้ทรงประทานธรรม ไว้เป็นคุณ
รักษาราชอาณาจักรเรียกว่า " ลิจฉวีอปริหานิยธรรม " ให้ร่วมกันถือมั่นใน "สามัคคีธรรมและคารวธรรม "
เป็นจุดสำคัญ ดังนั้นราชอาณาจักรแห่งไพศาลีนคร จึงเท่ากับมีธรรมเป็นปราการอันมั่นคง ปรากฎว่า พระ-
เจ้าอชาตศัตรูซึ่งทรงเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมในสมัยนั้น ได้ทรงกีฑาทัพไปตีเมืองไพศาลี ต้องล่าทัพปราชัย
มาถึง ครั้ง หมดทางที่จะเอาเมืองไพศาลีเป็นเมืองขึ้นด้วยแสนยานุภาพ เพราะกษัตริย์ลิจฉวีเคารพมั่นอยู่
ในลิจฉวีอปริหานิยธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าบรมครูทรงประทานไว้ รักษาเอกราชของราชอาณาจักรให้
ปลอดภัยได้อย่างน่าสรรเสริญ

ภายหลัง พระเจ้าอชาตศัตรูทรงส่งวัสสการพราหมณ์ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทูลถาม ถึงเหตุที่กษัตริย์ลิจฉวี
ทรงอานุภาพรักษาราชอาณาจักรไว้ได้ และเหตุที่กษัตริย์ลิจฉวีจะเสื่อมอานุภาพเสียเอกราชในกาลต่อไปด้วย
โดยแน่พระทัยว่า พระพุทธเจ้ามีพระวาจาเป็นเอก ไม่ตรัสคำเท็จ ตรัสคำใดคำนั้น จะต้องเป็นจริง

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับสั่งว่า ตราบใดที่กษัตริย์ลิจฉวียังมั่นอยู่ในสามัคคีธรรมแล้ว ตราบนั้นจะไม่มีผู้ใดไป
ทำความปราชัยให้แก่กษัตริย์ลิจฉวีเป็นอันขาด

ครั้นพระเจ้าอชาตศัตรูทรงทราบเช่นนั้น ก็ทรงเปลี่ยนแผนการณ์ตีเมืองไพศาลีด้วยแสนยานุภาพที่ทรงใช้มา
แล้วไม่ได้ผล มาเป็นแผนการทำลายสามาัคคีของกษัตริย์ลิจฉวีตามพระพุทธพยากรณ์เป็นสงครามเย็นแม้
จะเป็นเวลานาน ก็ยังดีกว่า เพราะหวังได้เพราะไม่ต้องเสียกำลังทหารอีกด้วย และก็เป็นความจริงตามพุทธ-
พยากรณ์ และความสำเร็จด้วยความพยายามของพระเจ้าอชาตศัตรู คือหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว
ไม่นานพระเจ้าอชาตศัตรูได้อุบายวางแผนการทำลายกษัตริย์ลิจฉวีโดยส่งวัสสการพราหมณ์เข้าไปอยู่ใน
เมืองไพศาลี ปลุกปั่น ยุแหย่ ให้กษัตริย์ตลอดนักรบทั้งหลายแตกร้าวกันหมด ทำลายความสามัคคี และความ
เคารพเชื่อถือกันในระหว่างให้สิ้นเชิง ในที่สุด พระเจ้าอชาตศัตรูก็ยกกองทัพเข้ายึดเมืองไพศาลีได้อย่างง่าย
ดาย ไม่ต้องเสียชีวิตทหารแม้แต่คนเดียว

เรื่องหลังจากพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว ลิจฉวีอปริหานิยธรรมอันเป็นพุทธมรดกที่ทรงประธานแก่กษัตริย์
ลิจฉวีของพระองค์จะถูกทำลายก็ดี บรรดากษัตริย์วงศ์ลิจฉวีจะถูกล้างผลาญก็ดี เอกราชแห่งนครไพศาลีจะ
สูญสิ้นก็ดี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบดีแล้ว ทรงทราบตั้งแต่วันที่วัสสการพราหมณ์เข้าไปเฝ้าทูลถามนั้น

ฉะนั้น ในวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้า จะเสด็จออกจากนครไพศาลีเมืองพุทธบริษัทเมืองลูกศิษย์ เมืองที่บริบูรณ์
ด้วยความสงบสุข จึงได้เสด็จประทับยืนทอดพระเนตร ถึงกับเหลียวหลังดูเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับรับสั่งว่า
การเห็นพระนครไพศาลีครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเป็นสามัญชนก็ต้องว่า ลาก่อนไพศาลี เป็นที่น่าเสียดาย
จะไม่ได้เห็นไพศาลีนครในรูปนี้อีกแล้ว ไม่เฉพาะแต่พระองค์ตลอดจนมหาชนทั่วไปด้วย

เหตุนั้น สถานที่ประทับยืนทอดพระเนตรนครไพศาลีโดยพระอาการเช่นนั้น พร้อมกับรับสั่งดังกล่าว จึงก่อให้
เกิดเป็นเจดีย์สถานอันสำคัญเรียกว่า " นาคาวโลกเจดีย์ " ถึงในขณะนี้ หากเราจะมาสร้างมโนภาพขึ้นตาม
เรื่องดังแสดงมานั้น ก็จะเป็นภาพที่ประทับใจ มีความหมายอันสูงค่าน่าอัศจรรย์น่าบูชาสักการะอย่างยิ่ง .

 

จบตำนานพระพุทธรูป ปางนาคาวโลก แต่เพียงนี้ .