ปางที่ ๕๔
ปางโปรดองคุลิมาลโจร

 

ลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้

พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถยืน ห้อยพระหัตถ์ซ้ายและยกพระหัตถ์ขวาขึ้นเสมอพระอุระ
ตั้งนิ้วพระหัตถ์ตรงหันฝ่าพระหัตถ์ไปทางซ้ายและตั้งไว้ตรงพระอุระ

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้

ในปฐมโพธิกาลนั้น มีพราหมณ์มันตะคูผู้หนึ่ง รอบรู้ถึงจบไตรเพท มีความรู้ดีเป็นพิเศษในทางทำนายนักษัตร
รู้ลางร้ายและเคราะห์ได้แจ้งชัดนับเนื่องอยู่ในสังกัดพราหมณ์ชั้นนักปราชญ์ราชเมธี เป็นปุโรหิตาจารย์ของ
พระเจ้ากรุงสาวัตถีปัสเสนทิโกศลมหาราช ผู้ถวายถรรถสาสน์แด่พระมหากษัตริย์ มีนามตามชีวประวัติว่า
ภควพราหมณ์มีภรรยาที่ทรงคุณสมบัติอันงามชื่อว่า มันตานี เมื่อนางคลอดบุตรชายหัวปีในเพลาราตรีนั้น เกิด
ลางร้ายอัศจรรย์วิบัติเป็นเห็นประหลาด บรรดาศัตราวุธเกิดโอภาสประกายรุ่งเรือง ราวกะว่าเปลวไฟลุกสิ้นทั้ง
ปวงตลอดพระเสียงขรรค์ หอกและสินาดในคลังหลวงราชศัตรา เมื่อภควพราหมณ์ประจักษ์แก่ตา ก็ประหลาด
จิต แล้วก็คำนึงถึงเหตุที่อาเพศให้ปรากฎเออ ! จะเกิดความจำเริญยศหรือเสื่อมศักดิ์อัครฐาน แก่ทรัพย์ศฤง-
คารบุตรภรรยา หรือแก่ตัวอาตมาก็ไม่รู้ ดำริแล้วจึงท่านราชครูโหราจารย์ก็รีบออกจากเรือนมาสู่ชานชลาหน้า
ประตูบ้าน แหงนหน้าดูดาวซึ่งสุกสกาวงามตระการในท้องฟ้าก็ปรากฎ เห็นกลุ่มดาวโจรสัญจรบทอยู่เบื้องหน้า
ก็ตกใจ ด้วยแจ้งชัดความนัยคัมภีร์พยากรณ์ ทายว่าเด็กเกิดใต้กลุ่มดาวโจรที่โคจรในยามนี้ต่อไปภายหน้าจะ
เป็นคนไม่ดี ใจอำมะหิต จะเป็นนายโจรประทุฏฐจิตที่ร้ายกาจ แต่เป็นบุญที่ชีวิตไม่ถึงฆาตด้วยราชภัยและไม่
ถูกใครฆ่าตายให้เสื่อมยศ เมื่อท่านปุโรหิตคิดกำหนดคำนวนแน่แก่ใจ แล้วก็กลับคืนเข้ายังภายในนิวาสสถาน
ด้วยอารมณ์รำคาญ ไม่สมคิดดังคาดไว้ว่าบุตรของตนจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเกียรติยศปรากฎในภายหน้า
แม้จะคิดหักใจว่าเป็นเวรกรรมของเขามาแต่กาลก่อน ก็ไม่วายจะเสียใจ

ครั้นรุ่งแสงสุริโยทัยในยามเช้า ได้เวลาเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ท่านปุริโรหิตก็เข้าไปปฏิบัติราชการ ในพระราช
สถานของพระเจ้ากรุงสาวัตถีถวายพระพรสวัสดีแด่พระภูบาล เมื่อแรกเสด็จออกว่าราชการในท่ามกลางทวย
หาญจาตุรงคเสนา ครั้นมีพระราชปุจฉาถามถึงความประหลาดเพราะโอภาสที่เกิดจากสรรพศัตราวุธในราตรี
จะเป็นลางร้ายให้เสียศรีเสื่อมศักดิ์อัครฐาน แก่พระราชทรัพยศฤงคาร บ้านเมืองให้ยุคเข็ญเป็นประการใด
ภควพราหมณ์ก็ทูลไขถึงความอาเพศว่า ข้าแต่พระปิ่นปกเกษของไพร่ฟ้า อันลางร้ายนั้นจะไม่เป็นภัยมาบีฑา
แต่ประการใด ด้วยพระบารมีของพระภูวนัยช่วยปกปัก แต่หากจะเกิดแก่บุตรที่รักของข้าพระบาทซึ่งแรกเกิดเมื่อ
คืนนี้ ต่อไปจะเป็นโจรกาลีให้เสื่อมศรีแก่ไพร่ฟ้า ข้ายุคบาทเห็นว่าควรจะพิฆาตฆ่าเสียแต่เยาว์วัย พระเจ้าปัส-
เสนทิโกศลทรงปราศรัยด้วยพระกรุณาว่า ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งรีบเคืองขุ่นเคียดแค้นแก่ทารกผู้ไร้เดียงสา เด็ก
ไม่มีความผิดใยจะไปคิดฆ่าให้เสียพระราชกำหนดบทพระอัยการ ฉันคิดว่าถ้าท่านอาจารย์ จะพยายามเลี้ยงดู
ให้เด็กเติบใหญ่ในสำนักครูแต่เยาว์วัย อบรมบ่มนิสัยจากสมณพราหมณาจารย์ เด็กก็จะมีสันดานอ่อนโยนเป็น
แน่แท้ คิดว่ายังพอจะเอาบารมีธรรมเข้าช่วยแก้กล่อมเกลาได้

ครั้นปุโรหิตาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญในเชิงปราชญ์ได้รับพระราชทานพระบรมโชวาท ซึ่งทรงหลั่งออกด้วยพระเมตตา
ก็หมอบกราบรับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้ากรุงสาวัตถี แล้วกลับแจ้งแก่นางมันตานีผู้ภรรยาจึง
ขนานนามบุตรชายว่า "มหิงสกะกุมาร" แปลว่าไม่มีจิตคิดรุกรานเบียดเบียนใครให้เดือดร้อน เพื่อแก้ดวงชะตา
ร้ายให้ลดหย่อนอ่อนลง ต่อนั้นก็ตั้งหน้าบำรุงเลี้ยงบุตรสุดสวาท ให้มีปรีชาสามารถในเชิงศึกษา อบรมให้มีจิต
เมตตากรุณา รู้จักคารวะต่อบุคคลผู้ทรงคุณและผู้ใหญ่ ครั้นอหิงสกะกุมารเจริญวัยซึ่งควรจะให้อยู่ประจำในสำ-
นักศึกษา จึงได้สั่งให้ไปอยู่ในเมืองตักกศิลา สำนักทิสาปาโมกข์อาจารย์ อันเป็นสถานที่สูงด้วยการศึกษาใน
คุณวิทยาและธรรมจริยาเป็นพิเศษ โดยหวังจะให้เป็นคุณบุญญเขตบ่มนิสัยอหิงสกะกุมาร

อาศัยที่อหิงสกะ มีปรีชาญาณแหลมหลักเผ่านักปราชญ์ จึงมีปรีชาสามารถล้นหลือเหนือศิษย์ทั้งหลายในสรรพ
วิชาการ ทั้งเป็นที่รักใคร่ของครูอาจารย์ผู้ให้การศึกษา ด้วยมีจรรยาคารวะอ่อนน้อม พร้อมที่จะรับปฏิบัติในโอ-
วาททุกประการ ข้อนี้เกิดเป็นสมุฏฐานให้บรรดาศิษย์พากันคิดริษยายุยงอาจารย์ ด้วยอุบายนานาเพื่อจะให้
เกลียดชังอหิงสกะ ในที่สุดด้วยอำนาจโมหะความเขลาจิต ทำให้อาจารย์หลงเข้าใจผิดกลับเห็นไปตามคำศิษย์
ยุยง เกิดประทุฏฐจิตคิดจำนงกำจัดอหิงสกะกุมาร ครั้นจะล้างผลาญตรงๆก็เกรงครหาประชาชนก็จะตราหน้าว่า
อาจารย์ฆ่าศิษย์ผิดระบอบ จะเสื่อมเสียความชอบที่ได้สั่งสมมา ควรจะยืมมือคนอื่นฆ่าให้สิ้นภัย ทั้งไม่มีความ
ครหาใดๆจะเกิดมี ดังนั้นครั้นเพลาราตรีกาล ท่านทิสาปาโมกข์อาจารย์ จึงเรียกอหิงสกะกุมารเข้าไปหา พลาง
มีสุนทรวาจาสำแดงเมตตาจิตว่า ดูกรอหิงสกะผู้เป็นศิษย์ที่สามารถ เราใคร่จะประสาธน์พระเวทชื่อวิษณุมนต์
อันจะทำให้เจ้าเรืองรณมหิทธิฤทธิ์ซึ่งศัตรูใดๆในทุกทิศไม่ต่อได้ แตจะ่ต้องใช้นิ้วมนุษย์มีจำนวนถ้วนหนึ่งพัน
นิ้วของคนหนึ่งพันคน มาจัดเป็นเครื่องกำนัลคำนับครู บูชาเทพเจ้าผู้ประสิทธิให้

อหิงสกะได้สดับก็ตกใจ จึงเคารพนบไหว้แล้วสารภาพว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าขอรับเมตตาที่ประทาน
ไว้ในระหว่างเกล้า ข้าพเจ้านี้สิ เป็นพราหมณ์มหาศาล ไม่ฆ่าสัตว์ ข้อนี้เป็นเหตุข้องขัดยากที่ศิษย์จะปฏิบัติ
ตามประสงค์ได้

อาจารย์ก็ปราศรัยนานาประการ ชักนำอหิงสกะกุมารให้เกิดความกล้าหาญในปาณาติบาต สามารถจำทำตาม
อุบายที่แนะนำได้ทุกประการต่อมาอหิงสกะกุมาร ได้ศัตราที่คมกล้าจึงหลบเข้าไปอยู่ป่า แสวงหานิ้วมนุษย์
เพื่อจะเอาไปเป็นเครื่องกำนัล ตั้งต้นฆ่าคนที่เข้าป่า แล้วตัดเอานิ้วมือมารวมเข้าไว้เป็นก่ายกอง โดยมุ่งจะ
เอาไปเป็นเครื่องบูชาเรียนวิษณุมนต์เพื่อจะได้มีอานุภาพเหนือคน อันเป็นสิ่งที่ตนปรารถนา ครั้นกาลล่วงมา
นิ้วนั้นโทรมลงไป ยากที่จะกำหนดจำนวนให้ถ้วนถึงได้ อหิงสกะก็เริ่มฆ่าคนใหม่ ตัดเอานิ้วมาแล้วใช้เชือกมัด
ประหนึ่งว่าพวงมาลัยคล้องคอไว้เพื่อจะให้ได้ถึงจำนวนพัน จึงได้ขนานนามเป็นสำคัญว่า "องคุลิมาล"
ปรากฎเป็นโจรที่กล้าหาญร้ายกาจ มีสำเนียงน่ากลัวยิ่งกว่าสิงหนาทในไพรสนฑ์ มหาชนสะทกสะท้านท้อแท้
ทั่วทุกชั้น เพียงได้ยินชื่อว่า องคุลิมาล เท่านั้น ก็ขนพองสยองเกล้า เกียรติศัพท์ก็กระบือไปยังพระนครแม้
ราชบุรุษก็ระย่อไม่ต่อกร ให้หลังหนี ทั้งก็สืบไม่รู้ว่าโจรผู้นี้มาจากใหน เป็นคนมาจากตระกูลใดๆก็ไม่แจ้ง
ตลอดทั้งตำแหน่งแหล่งที่อยู่ก็ไม่รู้ ได้ยินแต่คำกล่าวข่าวสาส์นทั่วๆไปว่า องคุลิมาล , องคุลิมาล ,
โจรที่ร้ายกาจดังพระกาฬสวมพวงมาลัยนิ้วมือ เป็นผู้ดุร้ายที่สุด ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์แต่สมัยใดๆ
ประชาชนหวาดจิตคิดเห็นเป็นภัยพากันอพยพเข้าพระนคร และพร้อมกันร้องอุทธรณ์กล่าวโทษต่อพระเจ้า-
โกศล ขอได้โปรดยกพลออกไปปราบปรามกำจัดโจรอันเป็นเสี้ยนหนามต่อความสงบของประชาราษฎร์
จับองคุลิมาลโจรผู้ร้ายกาจมาสังหารเพื่อความเกษมศานต์ ณ กาลบัดนี้

เมื่อพระเจ้ากรุงสาวัตถี ได้สดับวิปปฏิสารคดีเดือดร้อนก็ตกพระทัยประหลาดจิตคิดว่าไฉนองคุลิมาลโจรจึง
ร้ายกาจ มีอำนาจเป็นที่ครั่นคร้ามขามขยาดแก่อาณาประชาราษฎร์ หากปล่อยไว้ก็จะอุกอาจเข้ามาเบียดเบียน
ชาวพระนครให้เดือดร้อน เสื่อมราชานุภาพของพระมหากษัตริย์ ควรจะยกโยธาไปกำจัดพิฆาตฆ่า ทรงดำริแล้ว
จึงมีพระราชบัญชาให้จัดโยธาทหารหาญพระองค์จักเสด็จทรงบัญชาการในงานนี้กำหนดอีก ราตรีนั้นแล

ครั้นภควพราหมณ์ปุโรหิตาจารย์ ได้สดับพระราชโองการ ให้ตระเตรียมโยธาทหารออกไปจับองคุลิมาลโจร
ก็ตกใจ จึงคิดว่า องคุลิมาลจะเป็นใครมาจากใหนไม่ได้ นอกจากอหิงสกะบุตรของอาตมา ด้วยได้ทราบข่าว
จากสำนักศึกษาเมืองตักกศิลานั้น กล่าวโทษว่าอหิงสกะเป็นคนโฉด ถูกขับจากสำนักแล้ว ต่อนั้นก็มิได้ข่าว
วี่แววว่าจะอยู่ในถิ่นใด ทำให้บิดาและมารดาต้องร้อนใจเป็นห่วงลูก หวั่นใจว่าพ่อบุญปลูกจะเป็นทุกข์ลำเค็ญ
เข็ญ ความจริงลูกน่าจะคิดเห็นหัวอกของมารดาและบิดา แล้วกลับมาบ้านเรือน ไม่น่าจะแชเชือนหลบหายไป
ในป่า บัดนี้เกิดมีข่าวโจษจันว่า มีองคุลิมาลโจรร้ายกาจเข้าพิฆาตเข่นฆ่าผู้คนมากมายทำให้ประชาชนเกิด
ระส่ำระสายเดือดร้อน ถึงพระเจ้ากรุงโกศลอดิศรก็ทรงเตรียมนำทัพไปปราบปราม เมื่อพินิจดูตามข้อความของ
ข่าวสาส์นแท้ก็คืออหิงสกะกุมารบุตรของเราเป็นแม่นมั่น ดวงชะตาลูกก็เข้าขั้นร้ายเข็ญให้เป็นไป จะต้องช่วย
ป้องกันแก้ไขให้หนักเป็นเบา อย่าต้องให้บุตรเราได้รับราชภัยพินาศ คิดแล้วก็รีบกระวีกระวาดกลับเคหา เรียก
นางมันตานีมาปรึกษา แล้วออกอุบายให้ภรรยารีบเล็ดลอดล่วงหน้าไปหาอหิงสกะกุมารบุตร ซึ่งบัดนี้ได้นาม
ใหม่ว่า องคุลิมาล ให้รีบหลบหนีจากถิ่นฐานไกลออกไป บัดนี้ราชภัยกำลังใกล้เข้ามา

ฝ่ายนางมันตานีผู้เป็นมารดาเห็นด้วย ความรักลูกก็มุ่งจะช่วยให้รอดตายมิได้คิดว่าอันตรายจะพึงมี หากองคุ-
ลิมาลเขลาจิตไม่ทันคิดว่าชนนีประหารเสียก็จะตายเปล่า ไม่ทันได้บอกข่าวว่าตนเป็นมารดานำข่าวมาบอก
ให้หลบลี้หนีภัยกลับตกเป็นผลร้ายแก่แม่และลูกทั้งสองคน

ในวันนั้น สมเด็จพระทศพลพระพุทธเจ้า ทรงประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงทราบด้วยอนาคตังญาณว่า
นางมันตานีจะมีอันตราย องคุลิมาล ลูกชายไม่รู้จักก็จะประหาร เกิดเป็นอนันตริกรรมล้างผลาญมรรคผลใน
ภายหน้า จำตถาคตจะกรุณาไปช่วยให้พ้นภัย กับบำบัดความโหดร้ายขององคุลิมาล ให้ละเลิกสันดานมาเป็น
บรรพชิตในพระศาสนา ครั้นพระบรมศาสดาทรงดำริแล้วก็เสด็จพุทธดำเนินไปในไพรสณฑ์ล่วงหน้ามารดา
องคุลิมาลไปในวันนั้น

ขณะนั้นองคุลิมาล กำลังหมกมุ่นด้วยโมหจิต คิดแต่เพียงว่าเราก็คือ อหิงสกะกุมาร ลอบออกมาล้างผลาญ
มนุษย์เพื่อเอาดรรชนีนิ้วชี้มนุษย์ให้ครบพัน บัดนี้ได้ ๙๙๙ นิ้วแล้ว ยังขาดอีกหนึ่งเท่านั้นก็พอควรแก่การ หา
รู้สึกผิดไม่ว่าขณะนี้โลกกำลังตราหน้าตนเป็นองคุลิมาลโจรใจร้าย ควรจะตายมากกว่าอยู่เป็นคน ทันใดนั้น
พลันแลเห็นพระทศพลสัมพุทธเจ้าแต่ไกลก็ดีใจว่า เออ ! โชคอันดีของเราไม่ต้องไปหานิ้วที่ใหนให้ไกลถ้าได้
นิ้วมือบรรพชิตผู้นี้ไซร้ ก็จะได้ฤกษ์สหัสสมสมัยดรรชนีได้องคุลีบรรจบครบพัน แล้วองคุลิมาลก็จับดาบลุก
ถลันแล่นไล่แม้จะพยายามวิ่งเท่าใดๆก็ไม่ทันพระบรมศาสดาจารย์ ด้วยทรงทำปฏิหาริย์ให้เข้าไม่ถึง แม้จะวิ่ง
ตะบึงขับไล่จนสุดแรงก็ไร้ผล พระทศพลเสด็จดำเนินตามปกติ องคุลิมาลจึงดำริว่า เราสิ้นกำลัง จึงหยุดร้อง
ตะโกนด้วยเสียงดังว่า หยุดก่อนสมณะ ! สมณะ หยุดก่อน ! พระบรมศาสดาไม่ทรงหยุด ทรงดำเนินตามปกติ
แต่ทรงรับสั่งว่า องคุลิมาลเราหยุดแล้ว ! แต่ท่านนั่นแหละ ไม่หยุด ! องคุลิมาลได้ฟังขัดใจ แม้จะพูดให้หยุด
เท่าใด ก็ได้รับแต่คำตอบเท่าั้นั้น พลันก็พูดตำหนิว่า ดูก่อน สมณะ ! ท่านสิเป็นบรรพชิตชอบที่จะมีคำสัตย์ให้
สมแก่เพศ ยังเดินอยู่แต่พูดว่า หยุดแล้วได้ ส่วนเราสิหยุดแล้ว แต่ท่านกลับกล่าวว่า เราไม่หยุด เหตุไฉนใย
ท่านจึงพูดไม่เป็นความจริงเล่า

พระพุทธเจ้าจึงหยุดประทับแล้วรับสั่งว่า อหิงสกะ ตถาคตกล่าวแต่คำจริงเป็นปกติ ที่ตถาคตกล่าวว่า
เราหยุดแล้ว คือหยุดฆ่า หยุดเบียดเบียน หยุดแสวงหา ในทางผิด หยุดดำเนินไปทางทุจริตสิ้นทุกประการ
อหิงสกะ ! เธอสิ มีสันดานพาลแรงร้าย ไม่หยุดยั้ง วิ่งตามเราจนสิ้นกำลังแล้วยังไม่คิดหยุด มือถืออาวุธ
เขม้นหมายประหาร แต่ปากสิขานว่าหยุดแล้ว น่าขวยแก่ใจ เท็จต่อตัวแล้วไฉนมาเท็จต่อเราอีกเล่า
อหิงสกะ !

เมื่อองคุลิมาลได้ฟังพระดำรัสพระบรมศาสดาจารย์ตรัสเพียงเท่านั้น ก็พลันสำนึกรู้สึกผิด ได้คิดละอายแก่ใจ
ในบาปกรรมที่ทำมา ท่านผู้นี้แล ช่อพระศาสดาที่ชาวโลกถวายพระนามว่า พระพุทธเจ้าทรงทราบบาปกรรม
ของเราทุกประการ แม้แต่ชื่ออหิงสกะก็ทรงขานเรียกได้ มรงบริสุทธิ์ กาย ใจ น่าเข้าไปหา คิดแล้วก็ซ่อนอาวุธ
ไว้ในป่าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้ายังที่ประทับเพื่อสดับพระโอวาทถวายบังคมพระบรมบาทแล้วประคองอัญชลี

ต่อนั้น สมเด็จพระชินศรีสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ทรงแสดงธรรมฟอกจิต องคุลิมาลโจรให้สะอาดดี เปิดฝ้า
กิเลสที่ปิดบังสาวกญาณบารมีให้ปรากฎ จนองคุลิมาลเลื่อมใสในการบำเพ็ญพรตแบบบรรพชิตและทูลขอ
บรรพชา พระบรมศาสดาจึงประทานเอหิภิกขุอุปสมบทให้ แล้วทรงพาพระองคุลิมาลไปยังพระเชตวันวิหาร
ประหนึ่งว่าเสด็จไปคล้องช้างสารที่ซับมันบัดเดี๋ยวใจ ก็ได้ช้างพลายเชือกใหม่มาสู่พระอาวาส ไม่ต้องใช้
บ่วงบาศก์เครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ เพียงแต่ใช้พระโอวาท ตรัสสอนให้สงบระงับก็จับได้ ทั้งไม่ให้เป็นเวรเป็น
ภัยในทุกสถาน นับว่าพระองค์ทรงพิชิตใจโจรองคุลิมาลด้วยธรรมวิเศษ เป็นชัยมงคลอุดมเดชของพระบรม-
ศาสดา ที่ทรงทรมานองคุลิมาลโจรให้กลับใจหมดพยศ บวชเป็นพระบำเพ็ญพรตสมดังมโนรถทุกประการ .

 

จบตำนานพระพุทธรูป ปางโปรดองคุลิมาลโจร แต่เพียงนี้ .