ปางที่ ๔o
ปางประดิษฐานรอยพระบาท

 

ลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้

อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระบาทซ้ายเหยียบหลังพระบาทขวา เป็นกิริยากดรอยพระบาท
พระหัตถ์ทั้งสองประสานที่พระเพลา เป็นอาการสังวร ตั้งพระทัยประดิษฐานให้รอยพระบาท
ปรากฎชัดมีลายลักษณ์พระบาทครบบริบูรณ์

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้

ครั้งหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ที่โฆสิตาราม ในพระนครโกสัมพี ทรงอาศัยพระนครนี้เป็นที่
แสดงธรรมโปรดประชากรให้ตั้งอยู่ในมรรคผลเป็นพุทธมามกะชนปฏิญญาณตนมั่นอยู่ในพระรัตนตรัยเป็น
อันมาก

ในเวลานั้นที่แคว้นกุรุรัฐ มีพราหมณ์มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติคนหนึ่งชื่อว่า มาคันทิยะ พราหมณ์ผู้คฤหบดีผู้นี้
มีภรรยาชื่อว่า มาคันทิยา มีธิดาคนหนึ่งมีรูปร่างงดงามยิ่งนัก กล่าวกันว่าเสมอด้วยเทพอักษร เป็นที่รักใคร่
สุดสวาทของพราหมณ์ทั้งสองผู้เป็นบิดามารดาเป็นอันมาก ได้ให้นามแก่ธิดาว่า "มาคันทิยา"
เหมือนกับนางพราหมณีผู้เป็นมารดา ท่านมาคันทิยะพราหมณ์เป็นคนพิถีพิถันเลือกบุตรเขยมาก เพราะว่า
ธิดาของตนงามมากอย่างหนึ่ง ทั้งฐานะของตระกูลตนก็มั่งคั่งประการหนึ่ง จึงไม่ยอมตกลงให้แก่ชายผู้มา
สู่ขอธิดา โดยปฏิเสธว่า ชายผู้ที่มาสู่ขอนั้นไม่คู่ควรแก่ธิดาของตน

วันหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงตรวจดูอุปนิสัยสัตว์โลกในเวลาใกล้รุ่งด้วยพุทธจักษุ ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งอนาคา
มีผลของมาคันทิยะพราหมณ์ทั้งพราหมณีผู้เป็นภรรยา ครั้นเวลาเช้าทรงบาตรจีวรของพระองค์แล้วเสด็จไป
ยังสถานที่บำเรอไฟของมาคันทิยะพราหมณ์ซึ่งตั้งอยู่ในภายนอกบ้าน โดยลำพังพระองค์เดียว

ฝ่ายมาคันทิยะพราหมณ์ ออกจากบ้านแต่เช้าไปสถานที่บำเรอไฟเพื่อประกอบพิธีบูชาไฟอันเป็นกิจวัตร
ประจำวัน ได้เห็นพระรูปของพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งงามพร้อมด้วยศิริวิลาศอันเลิศด้วยบุรุษลักษณะ
ทุกประการก็ตลึงอยู่ในความงามนั้นยิ่งนัก ออกอุทานในใจว่านับแต่เราเกิดมาจนอายุปานนี้แล้ว ยังไม่เคย
เห็นชายที่มีความงามทุกประการเช่นนี้งามเหมือนเทพเจ้าไม่น่าเชื่อว่าในโลกนี้ยังจะมีชายรูปงามเหมือน
ชายผู้นี้อีก ชายคนนี้ถ้าได้กับลูกสาวของเราจะสมกันยิ่งนัก เอาละเราจะให้ลูกของเราแก่ชายคนนี้แหละ
เพื่อจะได้เป็นคู่ครองความสุขสืบไป

เนื่องจากในสมัยนั้น แคว้นกุรุยังไม่มีพุทธศาสนาไปประดิษฐานไม่มีพระสงฆ์จาริกไปเผยแผ่พระศาสนา
ชาวเมืองยังไม่รู้เรื่องพระศาสนาไม่รู้เรื่องของพระสงฆ์ แม้มาคันทิยะพราหมณ์ก็เป็นเช่นนั้น ไม่รู้จักพระ
ไม่รู้จักพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็เท่ากับเห็นชายงามพิเศษคนหนึ่งที่ตนไม่เคยเห็นมาแต่ก่อน

อนึ่ง ประกอบด้วยเวลานั้น มาคันทิยะพราหมณ์กำลังเลือกสรรชายงามให้แก่ธิดาที่สุดสวาทอยู่ด้วย
ดังนั้นเมื่อมาคันทิยะพราหมณ์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ดีใจ นึกเป็นโชคดีอย่างคาดไม่ถึง จึงเข้าไปใกล้
พระผู้มีพระภาคแล้วปราศรัยด้วยถ้อยคำไพเราะว่า ดูก่อนบุรุษ ท่านเป็นชายที่มีความพร้อมดั่งเทพบุตร
มีความสง่าในทีท่าดังพญาราชสีห์ ข้าพเจ้ามีธิดาคนหนึ่งงามพร้อมด้วยศิริโฉม เหนือความงามของสตรี
ทั้งหลายในเมืองนี้ ข้าพเจ้าใครจะได้ชายงามเพื่อเป็นคู่ครองแก่ธิดาของข้าพเจ้า ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้า
เลือกหาอยู่ ข้าพเจ้ายังไม่เคยพบปะชายงามเสมอด้วยท่านเลย ดังนั้นการได้พบท่านในขณะนี้ จึงควรจะ
นับได้ว่าเป็นฤกษ์ดี, ยามดี, และโชคดี ทั้งท่านและข้าพเจ้า ตลอดธิดาของข้าพเจ้าด้วยข้าพเจ้ารักท่าน
และแน่ใจว่าท่านเท่านั้น ที่เป็นชายทรงคุณลักษณะสมควรแก่การเป็นคู่ครองที่เหมาะสมสำหรับธิดาของ
ข้าพเจ้า ท่านควรจะได้นางไว้เป็นบริจาริกา และนางก็ควรจะได้ท่านเป็นภัสดา ข้าพเจ้าจะถือโอกาสอัน
เป็นมงคลนี้แหละ ไปนำนางมามอบให้แก่ท่าน ขอท่านจงยืนรออยู่ที่นี่จนกว่าข้าพเจ้าจะกลับมา

พระบรมศาสดาไม่ทรงรับสั่งอะไรๆเลย ได้ทรงดุษณียภาพนิ่งอยู่คอยหาโอกาสที่จะแสดงธรรมโปรด
มาคันทิยะพราหมณ์สืบไป

ฝ่ายมาคันทิยะพราหมณ์รีบไปเรือน อารามดีใจละล่ำละลัก เรียกภรรยาว่า มาคันทิยา....มีธุระอะไรหรือ
ท่านมาคันทิยะ ทำไมวันนี้จึงรีบกลับเรือนแต่เช้าทีเดียวละท่าน

ก็เพราะมีโชคดีละซิเธอ....โชคดีอะไรกันท่าน
มาคันทิยะพราหมณ์ เตือนภรรยาให้ตั้งใจฟังอีกครั้งหนึ่ง แล้วพูดว่าเธอคงจะนึกทวนความจำได้
ตลอดเวลา ๒ - ๓ ปีมานี้ ฉันไม่มีความสุขใจเลย คือนับแต่ลูกของเราเป็นสาวขึ้น ฉันพยายามบอกปัดชาย
ที่มาสู่ขอลูกพยายามเที่ยวแสวงหาชายงามเพื่อจะนำมาให้เป็นคู่ครองลูกของเราซึ่งมีความงามเหนือสตรี
ในเมืองนี้ แม้จะพยายามมาปีแล้วปีเล่าก็ไม่ได้พบชายงามสมใจเลย ถึงเธอก็ได้ปลีกเวลาสืบเสาะช่วยกันหา
อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ตลอดเวลานั้น ขอสารภาพว่าฉันไม่มีความสุขเลย แต่เธอเอ๋ย เธอ ! เช้าวันนี้เป็นวันที่
ฉันหมดทุกข์ มีความเบิกบานใจเป็นที่สุด ฉันจะไม่ลืมความสุขใจในวันนี้เลย มาคันทิยา ฉันได้พบชายงามแล้ว
ชายคนนี้ ง๊าม งาม มาคันทิยา งามจริงๆ งามบอกไม่ถูก ทั้งรูปร่าง, ทั้งผิวพรรณ, ท่วงที งามไปหมดทุกสิ่งทุก
อย่าง ฉันได้ตกลงยกลูกสาวของเราให้เขาแล้ว มาคันทิยา เป็นโชคดีของลูกจริงๆที่ได้สามีงามเหมือนเทพบุตร
ความจริงก็เป็นโชคดีทั้งของเธอและของฉันด้วยที่มีลูกเขยงามเป็นเทวดา

นางพราหมณีตลึงในคำบอกเล่าของพราหมณ์ และก็มีความแน่ใจด้วย เพราะไม่เคยเห็นสามีมีความดีใจและ
พูดสรรเสริญชายงามเหมือนวันนี้เลย จึงกล่าวว่า ถ้าเป็นจริงเช่นนั้นก็นับว่าเป็นบุญตัวของลูกมากทีเดียว แต่
ชายคนนั้นชื่ออะไร เป็นคนที่ใหนนะท่าน

มาคันทิยะพราหมณ์พูดตัดบทว่า แม่คุณเถอะ อย่ามาทำเป็นหมอความซักถามอยู่เลย รีบจัดแจงตบแต่งลูก
เร็วๆเข้าเถอะ เราจะได้พาลูกไปมอบให้แก่ชายงามซึ่งยืนคอยอยู่ที่โรงไฟนอกบ้านโน้น แต่วันนี้แต่งให้งาม
เป็นพิเศษหน่อยน๊ะ มาคันทิยา

นางมาคันทิยาพราหมณี ไม่รีรอให้เป็นที่ขัดใจสามี ทั้งใจก็อยากจะเห็นชายงามคนนี้อยู่ด้วย รีบเข้าไปในเรือน
บอกความประสงค์ให้ธิดาทราบเรื่องดีแล้ว ก็กระวีกระวาดช่วยแต่งตัวให้ธิดาครู่เดียวก็เสร็จเรียบร้อย แล้วพา
ธิดาออกมาพบสามี

มาคันทิยะพราหมณ์กล่าวโลมใจธิดาว่า วันนี้ลูกแต่งตัวสวยมาก พ่อจะพาลูกไปพบกับชายงาม ซึ่งพ่อเชื่อว่า
ลูกจะพึงตาพึงใจเขามากทีเดียว พูดแล้วเดินนำภรรยาและธิดาออกจากบ้านเดินตรงไปโรงบำเรอไฟใกล้ที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับยืนอยู่

ก่อนนั้นเวลาที่มาคันทิยะพราหมณ์จะพาภรรยา และธิดามาถึงที่นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกดรอยพระบาท
เบื้องขวา ให้ปรากฎลายลักษณะบริบูรณ์ยังภาคพื้นที่ประทับยืนนั้นแล้ว ได้เสด็จจากที่นั้นไปประทับยืนอยู่ใน
ที่ไม่ไกลจากนั้น

เมื่อมาคันทิยะพราหมณ์พาคนทั้งสองมาถึงที่นั้น ไม่เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ประหลาดใจ กล่าวยืนยันกะ
ภรรยาว่า มาคันทิยา ฉันพบชายงามคนนั้นตรงนี้แหละ ก่อนที่จะจากเขาไปหาเธอ ฉันยังได้สั่งเขาให้ยืนรอ
อยู่ตรงนี้ พูดพลางชี้รอยพระบาทนั้นให้ภรรยาดู พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ยังไงล่ะ" รอยเท้าของเขายังปรากฎใหม่ๆ
อยู่

นางพราหมณ๊เป็นสตรีที่ได้ศึกษาื ในวิทยาพยากรณศาสตร์มามากเมื่อได้พิจารณาดูรอยพระบาท
พระผู้มีพระภาคเจ้าโดยถี่ถ้วนแล้ว ก็ทราบได้ทันที พลางกล่าวแก่สามีว่า ท่านมาคันทิยะ สิ่งที่ท่านหวังไว้นั้น
น่าจะหลุดลอยเสียแล้ว

ไหน ความหวังฉันจะหลุดลอยอย่างไร มาคันทิยะพราหมณ์กล่าวถ้อยความไม่พอใจ ชายคนนั้นดีไม่จริงดัง
ฉันพูดงั้นหรือ

ไม่ใช่อย่างนั้น พ่อมาคันทิยะ นางพราหมณีอธิบาย "ไม่ใช่ชายคนนั้นไม่ดี ความจริงชายนั้นงามมาก แม้ฉัน
จะยังไม่เห็น เพียงรอยเท้าเขาก็บอกให้รู้ว่า เขางามเหมือนพรหม ดีไม่มีที่ตำหนิ สมดังคำพ่อมาคันทิยะว่า
ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย นั่นแหละ ก็เช่นนั้นแล้ว ทำไมความหวังของฉันจึงจะหลุดลอยไปเสียเล่า
มาคันทิยะ ซัก"

เพราชายผู้นี้ดีเกินกว่าที่จะมาเป็นสามีของลูกน่ะซิ นางมาคันทิยากล่าวซ้ำอีก ชายผู้นี้มีคุณสมบัติเลิศ
ในโลก เป็นที่บูชาของคนทั้งหลายตลอดแม้เทพเจ้าทั้งมวล ด้วยรอยเท้าที่ปรากฎอยู่ในภาคพื้นนี้
ตามคำภีร์พยากรณศาสตร์แสดงไว้ชัดดังนี้ :-

รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว, คนมากด้วยราคะพื้นฝ่าเท้าจะเว้าลึกเข้าไป
ทุฏฐสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ,
คนมากด้วยโทสะจะหนักส้นเท้า
มุฬฺหสฺส โหติ อวกฑฺฒตํ ปทํ,
คนมากด้วยโมหะจะหนักปลายเท้า
วิวฏจฺฉทสฺส อีทมีทิสํ ปทํ,
ส่วนคนมีพื้นเท้าเสมอเช่นนี้เป็นผู้หา ราคะ , โทสะ , และโมหะมิได้

ฉันจึงกล้ายืนยันได้ว่า ชายผู้นี้ดีเกินกว่าที่จะมาเป็นสามีของลูก ดังนั้นความหวังของท่านจึงน่าจะ
หลุดลอย ไม่สำเร็จ

แม้มาคันทิยะพราหมณ์จะเชื่อในวุฒิของภรรยาอยู่ แต่ด้วยความรัก , อยากได้มาก , ไม่ชอบให้ใครขัดใจ
จึงพูดแดกว่า แม่มหาจำเริญพูดเป็นเห็น ตะเข้ในโอ่ง เห็นขโมยในมุ้งทีเดียวนะ นิ่งเสียทีเถิด .

"ท่านมาคันทิยะ" นางพราหมณีน้อยใจ ไม่ยอมหยุด "ท่านจะด่าฉันอย่างไรก็เชิญเถิด ตามชอบใจ แต่จงจำ
ไว้นะว่า รอยเท้าคนนี้น่ะ เป็นรอยเท้าของคนเมินกาม"

มาคันทิยะไม่สนใจในถ้อยคำของนางพราหมณี เดินไปทางพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปได้หน่อย ก็พบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ก็ดีใจเรียกภรรยาและธิดาให้มาใกล้แล้วว่า "คนนี้ยังไงล่ะ ชายงามที่ฉันบอก
แล้วทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ท่านผู้มีความสงบ , สดใส , ดังน้ำในบึง ฉันขอมอบธิดาที่รักของฉันแก่ท่าน
เพื่อเป็นคู่ครองสืบไป"

พระผู้มีพระภาคไม่ทรงรับสั่งตอบรับ เรื่องธิดาของพราหมณ์อย่างไรเลย เป็นแต่ตรัสว่า ถ้าท่านพอใจจะฟัง
ฉันจะเล่าเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับตัวฉันให้ท่านฟังสักเรื่องหนึ่ง

"เชิญเล่าไปเถิด ท่านผู้โชคดี" มาคันทิยะพราหมณ์ตอบรับด้วยความพึงใจ

ต่อนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงเล่าชีวประวัติของพระองค์ตอนหนึ่ง จับแต่พระองค์เสด็จออก
มหาพิเนษกรมณ์และบำเพ็ญบารมีจนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วทรงย้ำในตอนแรกตรัสรู้ว่า
ในขณะที่เรานั่งอยู่ที่ร่มไม้อชปาลนิโครธ ธิดาของพญามารทั้ง ๓ ได้จำแลงรูปเป็นสตรีรุ่นเจริญด้วยศิริรูป
โสภาสรรพองค์หาที่ติมิได้ มาร่ายรำเล้าโลมล่อเราด้วยมายาอันเย้ายวนมีประการต่างๆ และพร้อมที่จะ
ยินยอมบำรุงบำเรอ หากเรานิยมให้ชื่นชมสมประสงค์เสมอ ถึงอย่างนั้นความพอใจในเมถุนธรรมกะธิดา
แห่งมารนั้นก็มิได้มีแก่เรา แม้แต่เท้าของเราก็ยังไม่ประสงค์ที่จะถูกต้องแล้วอย่างไรเราจะพอใจธิดาของ
ท่านซึ่งมีกายเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเช่นนี้เล่า

แล้วทรงแสดงธรรมโปรดพราหมณ์ทั้งสอง โดยควรแก่วิสัย ในเวลาจบพระธรรมเทศนา
มาคันทิยะพราหมณ์กับนางพราหมณี ก็ได้บรรลุิอริยผล ดำรงอยู่ในชั้นพระอนาคามีบุคคล ต่อนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เสด็จกลับมาประทับยังพระนครโกสัมพี

ส่วนมาคันทิยะพราหมณ์ ได้มอบธิดาของตนแก่จูฬมาคันทิยะพราหมณ์ผู้เป็นน้องให้เป็นผู้ปกครอง
พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติ แล้วชวนภรรยาออกบวช ต่อมาได้บรรลุพระอรหันตตผลเป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุด
ในพระพุทธศาสนา .

 

จบตำนานพระพุทธรูป ปางประดิษฐานรอยพระบาท แต่เพียงนี้ .