ปางที่ ๒๙
ปางอุ้มบาตร

 

ลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้

อยู่ในพระอิริยาบถยืน ส้นพระบาททั้งสองชิดกัน พระหัตถ์ทั้งสองยกประคองบาตรราวสะเอว
มีบาตรวางอยู่ที่ฝ่าพระหัตถ์ในท่าประคองด้วย
นิยมเรียกว่า ปางอุ้มบาตร นิยมสร้างขึ้นเป็นพระประจำวัน ของคนเกิดวันพุธ

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้

เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จไปยังพระนครกบิลพัสดุ์ ครั้งแรกทรงทำอิทธิปาฏิหาริย์เหาะขึ้นไปบนอากาศ
ทรมานให้พระประยูรญาติให้ถวายบังคมแล้วเสด็จลงมาประทับนั่งพระบวรพุทธอาสน์ยังฝนโบกขรพรรษ
ให้ตกลงในท่ามกลางสมาคมพระญาติแล้วทรงประกาศมหาเวสสันดรชาดก
ยกขึ้นเป็นเทศนามีข้อความตามนัยที่พรรณนาไว้ในเรื่องพระพุทธรูปปางทำอิทธิปาฏิหาริย์
ซึ่งเป็นปางที่ ๒๘ สำหรับพระพุทธรูปปางที่ ๒๙คือ ปางอุ้มบาตรนี้ มีเรื่องต่อเนื่องมาว่า
ครั้นพระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมจบแล้วบรรดาพระญาติทั้งหลายมีพระเจ้าสุทโธทนะ
พระพุทธบิดาเป็นประธานก็ได้ความเบิกบานปีติปราโมทย์ เปิดพระโอษฐ์ซ้องสาธุการแล้ว
พระญาติทั้งหลายก็กราบทูลลาคืนยังพระราชสถาน มิได้มีพระญาติสักองค์หนึ่งได้กราบทูลถวาย
พระกระยาหารในยามเช้าพรุ่งนี้แม้แต่พระเจ้าสุทโธทนะก็เพียงแต่ทูลลามิได้ทูลอาราธนา
เสวยพระกระยาหารเช้าเช่นกันด้วยทรงนึกไม่ทันว่าธรรมดาพระจะต้องอาราธนาจึงจะได้
มารับบิณฑบาตในบ้านซึ่งเป็นปกติสามัญของประชาชนทั่วไป
แต่พระเจ้าสุทโธทนะพระพุทธบิดากับทรงรู้สึกอย่างเป็นพระญาติที่สนิทว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นพระโอรส พระสงฆ์สาวกเล่าก็เป็นศิษย์ของพระโอรสแล้วพระโอรสจะเสด็จ
ไปไหนเมื่อไม่มายังพระราชนิเวศน์ของพระองค์ ไม่จำต้องทูลอาราธนา
โดยแน่พระทัยว่าพระบรมศาสดาจะต้องทรงพาพระสาวกทั้งหลายมาเสวยพระกระยาหาร
ในพระราชนิเวศน์เป็นแน่แท้การเสด็จไปเสวยที่คฤหาสน์ของใครที่ไหน
แม้จะเป็นพระญาติของพระองค์ก็ไม่เหมาะไม่ควรเท่ากับเสด็จมายังพระราชนิเวศน์
เพราะพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงแน่พระทัยดังนี้จึงไม่เปิดพระโอษฐ์ออกพระวาจาทูลอาราธนา
ยิ่งกว่านั้นยังกับเห็นว่าหากออกพระกระแสรับสั่งทูลอาราธนาขึ้น การกลับจะกรายไปว่า
พระบรมศาสดาเป็นคนอื่นมิใช่พระโอรสครั้นพระเจ้าสุทโธทนะแน่พระทัยเช่นนี้แล้ว
เมื่อเสด็จถึงพระราชนิเวศน์จึงโปรดให้พนักงานวิเศษจัดแจงตกแต่งอาหารอันประณีตไว้พร้อมมูล
เพื่อถวายพระบรมศาสดาและพระภิกษุสงฆ์สาวกทั้งมวลในวันพรุ่งนี้
ตลอดเย็นจนถึงเวลารุ่งเช้าไม่ปรากฏว่ามีใครอาราธนาพระบรมศาสดาไปเสวย ณ ที่ใด
พระบรมศาสดาก็ทรงบาตรพาภิกษุสงฆ์บริษัทเสด็จพระดำเนินไปตามท้องถนนหลวง
ปรากฏแก่ปวงประชาราษฏร์ จึงต่างก็ได้โอกาสชมพระบารมี และมีความปีติยินดีประนมหัตถ์นมัสการ
นับเป็นครั้งแรกที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ ได้เห็นพระบรมศาสดาจารย์ทรงอุ้มบาตร
เสด็จพระพุทธลีลาโปรดประชาสัตว์ เพิ่มพูนความปีติโสมนัสสุดจะพรรณนา .

 

จบตำนานพระพุทธรูป ปางอุ้มบาตร แต่เพียงนี้ .